วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 15

เด็กที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ (LD) การดูแลรักษาให้ความช่วยเหลือ
-สร้างความภูมิใจในตนเองให้เกิดกับเด็ก
-มองหาจุดดี จุดแข็งของเด็กและให้คำชมอยู่เสมอ
-ให้การเสริมแรงทางบวก
-รู้จักลักษณะของเด็กที่เป็นสัญญาณเตือน
-วางแผนการจัดทำแฟ้มข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้ของเด็ก
-สังเกตติดตามความสามารถและการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนของเด็ก
-IEP

การรักษาด้วยา
-Ritalin
-Dexedrine
-Cylert

หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
-สำนักงานบริหารการศึกษาพิเศษ (สศศ.)
-โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์
-ศูนย์การศึกษาพิเศษ (Early Intervertion : EI)
-โรงเรียนเฉพาะความพิการ
-สถาบันราชานุกูล


 อาจารย์ให้ดู VDO เรียนอย่างไรในศูนย์การศึกษาพิเศษ
 

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 14

เนื้อหาที่เรียน

การดูแลรักษาและส่งเสริมพัฒนาการเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

1.Down's syndrome
-รักษาตามอาการ
-แก้ไขความผิดปกติที่พบร่วมด้วย
-ให้เด็กสามารถช่วยตัวเองได้ในชีวิตปประจำวัน และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด
-เน้การดูแลแบบองค์รวม (holistic approach)

ด้านสุขภาพอนามัย
-บิดามารดาให้พาบุตรไปพบแพทย์ตั้งแต่แรกเริ่ม ติดตามอาการรักษาเป็นระยะๆ

การส่งเสริมพัฒนาการ
-เด็กกลุ่มอาการดาวน์สามารถพัฒนาได้ถ้ารับการฝึกสอนที่เหมาะสม

การดำรงชีวิตประจำวัน
-ฝึกให้ช่วยเหลือตนเองได้มากที่สุด

การฟื้นฟูสมรรถภาพ
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ เช่น การฝึกพูด กายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษาโดยจัดทำแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล(IEP)
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการสังคม เช่น การฝึกทักษะการดำรงชีวิตประจำวัน
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการอาชีพโดยการฝึกอาชีพ
การเลี้ยงดูช่วง 3 เดือนแรก
การปฎิบัติของบิดามารดา
-ยอมรับความจริง
-เด็กกลุ่มอาการดาวน์มีพัฒนาการเป็นขั้นตอนเช่นเดียวกับเด็กทั่วไป
-ให้ความรักและความอบอุ่น
-การตรวจภายใน ตรวจหามะเร็งปากมดลูกและเต้านม
-การคุมกำเนิดและการทำหมัน
-การสอนเพศศึกษา
-ตรวจโรคหัวใจ

การส่งเสริมพัฒนาการ
-พัฒนาทักษะด้านต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์และภาษา
-สามารถปรับตัวและช่วยเหลือตนเองให้มากขึ้น
-สังคมยอมรับมากขึ้น ไปเรียนรวมหรือเรียนร่วมได้
-ลดปัญหาพฤติกรรม
-คุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาและทำงานได้ดีขึ้น

2.Autistic

ส่งเสริมความเข้มแข็งของครอบครัว
-ครอบครัวมีบทบาทสำคัญที่สุดในกระบวนการดูแล ช่วยเหลือเด็กออทิสติก
-การเสริมสร้างโอกาสให้เด็กได้เล่นของเล่นที่หลากหลาย
-ทำกิจกรรมที่หลากหลาย

การปรับพฤติกรรมและฝึกทักษะทางสังคม
-เพิ่มพฤติกรรมที่เหมาะสมและลดพฤตกรรมที่ไม่เหมาะสม
-การให้แรงเสริม

การฝึกพูด
-โดยเฉพาะในรายที่มีพัฒนาการด้านภาษาและการสื่อความหมายล่าช้า
-ถ้าเด็กพูดได้เร็ว โอกาสที่จะมีพัฒนาการทางภาาาใกล้เคียงปกติก็จะเพิ่มมากขึ้น
-ลดการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม
-ช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจากการไม่สามารถสื่อสารความต้องการได้
-การสื่อความหมายทดแทน(AAC)

การสื่อความหมายทดแทน(AAC) (Augmentative and Alternative Communication)
-การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies)
-โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพการสื่อสาร (Picture Exchange Communication Syatem:PECS)
-เครื่องโอภา (Communication Devices)
-โปรแกรมปราศรัย

การส่งเสริมพัฒนาการ
-ให้เด็กมีพัฒนาการเป็นไปตามวัย
-เน้นในเรื่องการมองหน้าสบตา การมีสมาธิ การฟัง และทำตามคำสั่ง
-ส่งเสริมพัฒนาการด้านอื่นที่ล่าช้าควบคู่กับการพัฒนาด้านการสื่อสารสังคม และการปรับพฤติกรรม
-การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
-เพิ่มพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสารและทักษะทางความคิด
-แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล
-โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน

การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
-ทักษะในชีวิตประจำวันและการฝึกฝนทักษะทางสังคม
-ให้เด็กสามารถทได้ด้วยตนเองเต็มความสามารถโดยต้องการความช่วยเหลือน้อยที่สุด

การรักษาด้วยยา
-Methylphenidate(Ritalin) ช่วยลดอาการไม่นิ่ง/ซน/หุนหันพลันแล่น/ขาดสมาธิ
-Risperidone/Haloperidol ช่วยลดอาการอยู่ไม่นิ่ง หงุดหงิด หุนหันพลันแล่น พฤติกรรมซ้ำๆ พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
-ยาในกลุ่ม Anticonvulsant (ยากันชัก)ใช้ได้ผลในรายที่มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง

การบำบัดทางเลือก
-การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
-ศิลปกรรมบำบัด (Art Therapy)
-ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
-การฝังเข็ม (Acupuncture)
-การบำบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)

พ่อแม่
-"ลูกต้องพัฒนาได้"
-"เรารักลูกของเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร"
-ถ้าเราไม่รักแล้วใครจะรัก
-"หยุดไม่ได้"
-ดูแลจิตใจและร่างกายของตนเองให้เข้มแข็ง
-ไม่กล่าวโทษตนเองหรือคู่สมรส
-ควรหันหน้าปรึกษากันในครอบครัว

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 12

สัปดาห์นี้อาจารย์สอนเนื้อหาและให้กลุ่มที่เหลือนำเสนอความบกพร่องของเด็กพิเศษ ให้เพื่อนๆได้รับชม แล้วให้เพื่อนประเมิน การนำเสนอของแต่ละกลุ่ม
กลุ่มที่ 4 ออทิสติก (Austitim)
กลุ่มที่ 5 ดาวน์ซินโดรม (Down syndrome)
 
เนื้อหาที่เรียน 

เรื่อง  พัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

          พัฒนาการ  หมายถึง  การเปลี่ยนแปลงในด้านการทำหน้าที่ และวุฒิภาวะของอวัยวะต่างๆรวมทั้งตัวบุคคล ทำให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ                                 

 พัฒนาการปกติ แบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ
- พัฒนาการด้านร่างกาย
- พัฒนาการด้านสติปัญญา
- พัฒนาการด้านจิตใจ-อารมณ์
- พัฒนาการด้านสังคม
        เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ   หมายถึง  เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน ที่สามารถทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้
ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็ก 
          ปัจจัยทางด้านชีวภาพ เกี่ยวข้องกับลักษณะทางพันธุกรรมหรือชุดหน่วยของยีนที่เด็กได้รับสืบทอดมาจากบิดามารดา
          ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมก่อนคลอด การติดเชื้อ สารพิษ สภาวะทางโภชนาการและการเจ็บป่วยของมารดาส่งผลต่อพัฒนาการของตัวอ่อนในครรภ์
          ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด  การเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอด เช่น ภาวะขาดออกซิเจนในขณะคลอด
          ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด สภาวะหลังคลอด ปัจจัยด้านระบบประสาท และสภาพแวดล้อมส่งผลร่วมกันต่อพัฒนาการของเด็ก เด็กที่ไม่มีบิดามารดา หรือเด็กที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่  อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แออัด ยากจน เด็กถูกทอดทิ้ง-ล่วงละเมิด ปัจจัยด้านการศึกษา  เชาวน์ปัญญา และความสามารถของมารดา ในการจัดสภาพการเรียนรู้ของเด็ก

สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. โรคพันธุกรรม
2. โรคของระบบประสาท
3. การติดเชื้อ
4. ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
5. ภาวะแทรกซ้อนระยะแรกเกิด
6. สารเคมี
7. การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งการขาดสารอาหาร

อาการของเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
     มีพัฒนาการล่าช้าซึ่งอาจจะพบมากกว่า 1 ด้าน ได้แก่ กล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็กและสติปัญญา  การใช้ภาษา  ความเข้าใจภาษา การช่วยเหลือตัวเองและสังคม นอกจากนี้อาจพบความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อร่วมด้วย เช่น  ปฏิกิริยาสะท้อน (primitive reflex) ยังคงอยู่ไม่หายไปแม้จะถึงช่วงอายุที่ควรจะหายไป กล้ามเนื้ออ่อนนิ่มหรือเกร็ง อาจพบความผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปัญหาการได้ยิน ปัญหาการมองเห็น

แนวทางการวินิจฉัยเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. การซักประวัติ
กล่าวโดยสรุปเมื่อซักประวัติแล้วจะทำให้สามารถบอกได้ว่า
1. ลักษณะพัฒนาการล่าช้าดังกล่าวเป็นแบบคงที่ (static) หรือถดถอย (progressive encephalopathy)
2. เด็กมีระดับพัฒนาการช้าจริงหรือไม่ อย่างไร อยู่ในระดับไหน
3. มีข้อบ่งชี้ว่าจะมีสาเหตุจากโรคทางพันธุกรรมหรือไม่
4. สาเหตุของความบกพร่องทางพัฒนาการนั้นเกิดจากอะไร
5. ขณะนี้เด็กได้รับการช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างไร
2. การตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกายที่สำคัญและอาจสัมพันธ์กับความบกพร่องทางพัฒนาการ ได้แก่
2.1 ตรวจร่างกายทั่วๆไปทุกระบบ
2.2  ภาวะตับม้ามโต
2.3 ผิวหนัง เช่น cutaneous markers
 2.4 ระบบประสาทต่างๆ
2.5 ดูลักษณะของเด็กที่ถูกทารุณกรรม (child abuse)
2.6 ระบบการมองเห็นและการได้ยินเพราะเป็นความพิการซ้ำซ้อนที่พบร่วมได้บ่อย
3. การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
4.การประเมินพัฒนาการ- การประเมินแบบไม่เป็นทางการ- การประเมินที่ใช้ในเวชปฏิบัติ
   แบบทดสอบ Denver II
   Gesell Drawing Test
   แบบประเมินพัฒนาการเด็กตามคู่มือส่งเสริมพัฒนาการเด็กอายุ แรกเกิด - 5ปี สถาบันราชานุกูล

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2557

วันอังคารที่ 14 มกราคม 2557

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 11
 
วันนี้ไม่มีการเรียนการสอน
**หมายเหตุ เนื่องจากปัญหาความไม่สงบทางการเมือง

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

วันอังคารที่ 7 มกราคม 2557

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 10


การเรียน การสอน

นำเสนอประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ   
   กลุ่มที่1    Cerebral Palsy C.P 
   กลุ่มที่2    Children with Learning Disabilities L.D.
   กลุ่มที่3    Children with Attention Deficit and  Hyperactivity Disorders

ภาพบรรยากาศการนำเสนองาน


วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556